มอเตอร์ไซค์ superbike มีมานานแล้วใช่หรือไม่
ไม่ว่าไปอ่านเว็บหรือหนังสือเล่มไหนเกี่ยวกับมอเตอร์ไซค์ เราจะพบคำว่า superbike อยู่บ่อยๆ เลยอาจจะทำให้คิดว่าคำนี้มีมานานแล้วรวมไปถึงคิดว่ามอเตอร์ไซค์แบบนี้มีมานานแล้วด้วย ทั้งนี้เพราะคำนี้ได้รับการใช้งานกันอย่างแพร่หลายมาก แต่ในความเป็นจริงแล้วมอเตอร์ไซค์แบบ superbike นั้นได้ก่อกำเนิดมาแค่ราวๆ 3 ทศวรรษแค่นั้นเอง ไม่น่าเชื่อนะครับ ยิ่งในเมืองไทย เราก็คงได้พบเห็นมอเตอร์ไซค์แบบนี้ได้น้อยกว่าเสียอีก เพราะคันแรกๆคงมีคนนำเข้าหลังจากมีการวางตลาดในต่างประเทศไปแล้วหลายเดือน อีกทั้งฐานการผลิตมอเตอร์ไซค์ไม่ได้แห่กันมาแถวบ้านเราเหมือนช่วงไม่กี่ปีมานี้
ในยุคปี 1960 หรือราวปี 2500 โน้น การแข่งขันระดับกรังปรีซ์ก็จะเป็นเครื่องที่อยู่ในช่วง 500 cc มาเป็นระยะเวลาหนึ่งจนกระทั่งถึงต้นทศวรรษ 1970 ที่ ทางอเมริกาได้เริ่มนำรถขนาด 750 cc สองจังหวะออกมาแข่งกัน ซึ่งถือเป็นการแข่งขันรถ superbike กันจนมาถึงการแข่งขันชิงแชมพ์โลกของการแข่งขัน Superbike ในปัจจุบัน
แต่การใช้คำว่า Superbike ครั้งแรกนั้นแทบไม่ได้เกี่ยวข้องกับการแข่งขันเลย แต่คำนี้ถูกสื่อระดับโลกนำไปใช้เพื่ออธิบายการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของการมอเตอร์ไซค์ที่ทาง ฮอนด้าได้ออกมาเปิดตัวในช่วงไกล้สิ้นทศวรรษ 1960
ช่วงนั้นทีมนักร้องดังอย่าง The Beatles ก็ยังอยู่ครบเป็นทีม ส่วน Elvis ก็ยังไม่อ้วนเผละ ทศวรรษใหม่กำลังใกล้เข้ามา ใช่แล้วครับตอนนี้คือปี 1968 (2511) ในแง่ของวงการมอเตอร์ไซค์แล้วมันคือปีที่สำคัญปีหนึ่ง เพราะเป็นปีที่ถือว่าเป็นจุดกำเนิดของคำว่า Superbike
Big Bike คืออะไร
Bigbike คือคำที่ใช้เรียกรถมอเตอร์ไซค์ที่มีขนาดใหญ่กว่ารถมอเตอร์ไซค์ทั่วๆไปหรือที่เรียกกันจนติดปาก
ว่า สี่สูบ ขนาดของมอเตอร์ไซค์ที่มีขนาดใหญ่ในที่นี้คือขนาดของเครื่องยนต์ เฟรม ล้อและยางของรถ รถที่เรียกว่าBigbikeจะมีความจุของเครื่องยนต์ตั้งแต่ 250 cc ขึ้นไปจนถึง 2400 cc ซึ่งในแต่ละรุ่น แต่ละยี่ห้อก็จะมีรูปแบบของเครื่องยนต์และระบบส่งกำลังที่แตกต่างกันออกไปซึ่งจะมีตั้งแต่สูบเดี่ยว ถึง 6 สูบ และจัดวางอยู่ในรูปแบบของสูบเรียงและสูบV ในส่วนระบบส่งกำลังก็จะมีตั้งแต่ระบบที่ใช้โซ่ ใช้เพลาขับ และใช้สายพาน เป็นต้น Naked Bike เป็นชื่อที่ใช้เรียกรถ Bigbike ที่มีรูปแบบเป็นรถเปลือยแฟริ่งในส่วนด้านหน้า จะมีแฟริ่งในส่วนด้านท้ายของรถเท่านั้น ข้อดีของรถประเภทนี้คือสามารถใช้ขับขี่ในเขตชุมชนที่มีการจราจร ค่อนข้างหนาแน่นได้ง่ายและสามารถระบายความร้อนออกจากเครื่องยนต์ได้ดีกว่ารถ Bigbikeประเภทอื่นๆ และยังมีการออกแบบให้มีท่วงท่าในการขับขี่ที่ไม่ต้องก้มหรือโน้มตัวไปข้างหน้าเพื่อจับแฮนด์มากนัก โดยมีการออกแบบให้แฮนด์อยู่ในตำแหน่งที่ค่อนข้างสูงและมีเบาะที่ต่ำกว่ารถSport Bike Sport Bike คือรถBigbikeที่มีการออกแบบมาเพื่อใช้ในการแข่งขันทางเรียบเนื่องจากรถประเภทนี้ จะมีสมรรถนะของเครื่องยนต์และช่วงล่างสูงมากกว่ารถBigbikeประเภทอื่นๆ ซึ่งรถประเภทนี้มีท่วงท่า ในการขับขี่แบบกึ่งนั่งกึ่งหมอบเพื่อให้ผู้ขับขี่สามารถควบคุมและทรงตัวในการใช้ความเร็วสูงๆ และควบคุมอาการของรถในการเข้าโค้งได้เต็มประสิทธิภาพ Touring BikeคือรถBigbikeประเภทหนึ่งที่ออกแบบมาสำหรับใช้ในการเดินทางหรือท่องเที่ยว ที่มีระยะทางไกลๆและใช้เวลาในการขับขี่ค่อนข้างนานโดยเฉพาะ ซึ่งรถประเภทนี้จะมีรูปทรง คล้ายกับรถ Sport Bike แต่จะมีตำแหน่งของแฮนด์ที่สูงกว่ารถSport Bike ท่าทางในการขับขี่ จะคล้ายกับการขี่รถNaked Bike และรถ Touring Bikeนี้จะมีชิวล์ที่มีขนาดใหญ่เพื่อใช้บังลมและฝนที่ จะเข้ามาปะทะผู้ขับขี่ในตอนที่ใช้ความเร็วสูงๆหรือขณะมีฝนตก ชอปเปอร์ (อังกฤษ: chopper) คือรถBigbikeประเภทหนึ่ง เพราะเสียงของเครื่องยนต์ของ รถประเภทนี้มีเสียงดังเป็นจังหวะๆ คล้ายเสียงของเฮลิคอปเตอร์นั่นเอง สาเหตุที่เสียงของรถ Chopper Bike มีเสียงดังเป็นจังหวะอย่างที่เคยได้ยินเพราะรถประเภทนี้มี 2สูบวางอยู่เป็น รูปตัว V และยังมีการจุดระเบิดพร้อมๆกัน จึงมีช่วงขอบเสียงเครื่องยนต์ดังเป็นจังหวะดังกล่าว รถประเภทนี้จะมีการออกแบบให้มีเบาะอยู่ต่ำกว่ารถ Bigbikeประเภทอื่น และมีตำแหน่งของแฮนด์ที่สูง อยู่ในระดับไหล่ผู้ขับขี่หรืออาจจะสูงกว่าแล้วแต่ผู้ขับขี่จะเลือกมาใส่ |
บางคนอาจจะยังไม่ค่อยเก็ทเท่าไหร่ว่าเจ้ามอเตอร์ไซค์ที่เค้าเรียกๆ กันว่า "บิ๊กไบค์" นี้มันมีกี่ประเภท แต่ละรุ่นแต่ละยี่ห้อเป็นแบบไหนยังไง อาจจะยังสงสัยกัน วันนี้มาทำความรู้จักกันเลย
แน่นอนว่า "บิ๊กไบค์" หมายถึง มอเตอร์ไซค์ที่มีขนาดใหญ่กว่ารถมอเตอไซค์ทั่วไป เหตุผลที่ต้องมีขนาดใหญ่ก็เพราะมันต้องแบกรับเครื่องยนต์ที่มีขนาดใหญ่ยักษ์นั่นเอง โดยขนาดเครื่องยนต์มีตั้งแต่ 250 ซีซี ขึ้นไป ในแต่ละรุ่นแต่ละยี่ห้อก็จะมีรูปแบบเครื่องยนต์และระบบส่งกำลังที่แตกต่างกันไป ไม่ว่าจะเป็นสูบเดียว สี่สูบ หรือแต่งเพิ่มให้เป็นหกสูบ ลูกสูบถูกหจัดวางอยู่ในรูปแบบของสูบเรียงและสูบV ในส่วนระบบส่งกำลังก็จะมีตั้งแต่ระบบที่ใช้โซ่ ใช้เพลาขับ และใช้สายพาน เป็นต้น
โดยทั่วไปสามารถแบ่งได้เป็น 4 ประเภทใหญ่ๆ
1. Touring บิ๊กไบค์ประเภทนี้จะมีซีซีสูง เพราะต้องแบกรับน้ำหนักตัวและต้องวิ่งในระยะทางไกล จึงออกแบบให้ผู้ขับขี่สบายที่สุด ดังนั้นเอกลักษณ์ของทัวร์ริ่งไบค์คือ บังลมหน้าที่มีขนาดใหญ่ มีกระเป๋าใส่สัมภาระขนาดใหญ่ ในส่วนตัวถังจะไม่สูงมาบังส่วนลำตัวของผู้ขับขี่มากนัก แฮนด์ของรถยกขึ้นพอประมาณเพื่อไม่ให้ผู้ขับขี่ต้องก้มตัวเวลาขับขี่นั่นเอง
2. Sport บิ๊กไบค์รูปทรงปราดเปรียว มีกำลังเครื่องสูง อัตราเร่งสูง เป็นบิ๊กไบค์ที่ใช้สำหรับการแข่งขันในสนามเป็นจุดประสงค์หลักจึงถูกออกแบบให้ควบคุมรถได้ง่ายและทำให้รถไปได้เร็วที่สุด บางครั้งสูงถึง 300km/Hr ผู้ขับต้องโน้มตัวไปข้างหน้าเพื่อลดแรงต้านของลม แฮนด์รถจึงมีลักษณะดร็อปลงและมีตัวถังสูงเพื่อรองรับช่วงลำตัว
3. Cruiser เป็นรถบิ๊กไบค์ที่ออกแบบมาเพื่อใช้ในการขับขี่ทางไกล และท่องเที่ยวความเร็วต่ำเป็นหลัก ไม่มีบังลมส่วนหน้า เน้นความดิบ มีเสียงดังกระหึ่ม การขับขี่ท่านั่งที่ค่อนข้างสบาย (แต่ไม่สบายเท่ากับทัวร์ริ่งไบค์) โดยมากหลายคนเรียกช็อปเปอร์ แต่ที่จริงแล้วช็อปเปอร์นั้นถูกดัดแปลงมาจาก cruiser อีกที
4. Dual Purpose รถเอนกประสงค์สำหรับขับขี่บนเทือกเขา ได้รับความนิยมในประเทศแถบยุโรป สามารถขับขี่ได้ดีทั้งทางวิบากและถนนเรียบ เพราะเป็นรถขับขี่กึ่งวิบากนั่นเอง แต่มีความแตกต่างจากรถมอเตอร์ครอสตรงที่ขนาดซีซีสูงกว่า และสามารถทำความเร็วสูงได้ดีกว่า
และเนื่องจาก "บิ๊กไบค์" มีลักษณะการใช้งานหลากหลายรูปแบบ จึงถูกดัดแปลงและแบ่งประเภทย่อยๆ ได้อีกหลากหลาย เช่น
- Naked Bike แนวเปลือยๆ เป็นรถ Sport ที่ถูกจับมาแต่งให้เปรียว เอาแฟริ่งกันลมออก แรงม้าไม่สูง เหมาะสำหรับขี่ในเมือง
- Sport กึ่ง Touring รวมเอาจุดเด่นเข้าด้วยกัน เน้นความสบาย และการเดินทางไกลที่ความเร็วสูง
- Cruiser กึ่ง Touring เป็นรถ Cruiser ที่มีความดิบ กระด้าง แต่สะดวกสบายตามแบบฉบับทัวร์ริ่ง
- Chopper เป็นรถที่ถูกดัดแปลงมาจาก Cruiser อีกทีโดยเพิ่มตะเกียบหน้าหรือโช๊คหน้าที่ยาวเกือบสองเมตร มีการออกแบบให้เบาะอยู่ต่ำกว่ารถบิ๊กไบค์ประเภทอื่นๆ และมีตำแหน่งแฮนด์ที่สูงอยู่ในระดับไหล่หรือสูงกว่าไหล่ของผู้ขับขี่
มาถึงตอนนี้หลายคนน่าจะได้รู้จักบิ๊กไบค์แล้วพอสมควร ใครที่กำลังมองหาสองล้อคันใหญ่อย่าง"บิ๊กไบค์" อยู่ก็หวังว่าจะสามารถเลือกซื้อได้ตามความชอบและการใช้งานที่เหมาะสม naja
ทำไมต้อง Big Bike
หากถามว่า “ทำไมต้อง Big Bike”ตอบยากครับคำถามนี้ เพราะคำตอบข้อนี้มันไม่ใช่ข้อสอบคณิตศาสตร์ที่สามารถคำนวนได้ มันเป็นเรื่องของความชอบและความรู้สึก คนแต่ละคนมีความชอบและความฝันที่ต่างกัน ผมคิดว่า BigBike ก็คงเป็นความฝันอีกอย่างของคนอีกกลุ่ม เป็นความฝันของคนที่ชอบความเป็นอิสระ ไม่จำเจ ไม่ยึดติด ไม่รักความสบาย ชอบขี่รถกินลมชมวิว รักในเสียงเครื่องยนต์ เสียงท่อที่มีพลัง รูปลักษณ์ที่สวยงามสะดุดตา หรืออีกหลายความคิดเห็นต่าง ๆ นา ๆ แล้วแต่บุคคล แต่คนกลุ่มนี้เป็นคนส่วนน้อยที่อยู่ท่ามกลางของคนส่วนใหญ่ที่ไม่ได้มีความคิดเห็นหรือความชอบเหมือนเรา แล้วถ้าเราเอาเรื่องนี้ไปคุยกับเขาสิ่งที่เราจะได้รับกลับมานั้นคือ “แรงต่อต้าน” บางคนอาจจะถึงกับจิตตกไปเลย
10อันดับ บิ๊กไบค์ที่แรงที่สุดในโลกปี 2012-2013
วันนี้ผมเลยจะมาเเนะนำ
10อันดับ บิ๊กไบค์ที่แรงที่สุดในโลกปี 2012-2013
(บิ๊กไบค์ที่จะเสนอเป็นรถที่ถูกกฏหมายสามารถวิ่งบนท้องถนนได้)
อันดับ 9 ครับ Suzuki GSX-R1000 เครื่องยนต์160แรงม้า ความเร็วสูงสุด 179 MPH
อันดับ 8 ครับ Honda CBR1000RR เครื่องยนต์176แรงม้า ความเร็วสูงสุด 180 MPH
อันดับ 7 ครับ Yamaha YZF-R1 เครื่องยนต์158แรงม้า ความเร็วสูงสุด 185 MPH
อันดับ 6 ครับ Kawasaki ZZR1400 เครื่องยนต์207แรงม้า ความเร็วสูงสุด 186 MPH
อันดับ 5 ครับ MV Agusta F4 1000RR เครื่องยนต์200แรงม้า ความเร็วสูงสุด 187 MPH
อันดับ 4 ครับ Ducati Panigale 1199 เครื่องยนต์192แรงม้า ความเร็วสูงสุด 188 MPH
อันดับ 3 ครับ BMW S1000RR HP4 เครื่องยนต์193แรงม้า ความเร็วสูงสุด 190 MPH
อันดับ 2 ครับ MV Agusta F4 R312 เครื่องยนต์183แรงม้า ความเร็วสูงสุด 194 MPH
มีบิ๊กไบค์มากมายครับที่แรงกว่า10อันดับที่ผมนำมาเสนอ แต่มันไม่สามารถขับขี่ตามท้องถนนได้ครับ
ลองดูกันครับ สุดๆของที่สุดจริงๆ
nice pictures of the bikes
ตอบลบsuper bikes for rent in bangalore
super bikes for rent in bangalore"
ตอบลบsuper bikes for rent in bangalore
ตอบลบ