วันอาทิตย์ที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2557

SUPERBIKE BIGBIKE HISTORY

มอเตอร์ไซค์ superbike มีมานานแล้วใช่หรือไม่


ไม่ว่าไปอ่านเว็บหรือหนังสือเล่มไหนเกี่ยวกับมอเตอร์ไซค์ เราจะพบคำว่า superbike อยู่บ่อยๆ เลยอาจจะทำให้คิดว่าคำนี้มีมานานแล้วรวมไปถึงคิดว่ามอเตอร์ไซค์แบบนี้มีมานานแล้วด้วย ทั้งนี้เพราะคำนี้ได้รับการใช้งานกันอย่างแพร่หลายมาก แต่ในความเป็นจริงแล้วมอเตอร์ไซค์แบบ superbike นั้นได้ก่อกำเนิดมาแค่ราวๆ 3 ทศวรรษแค่นั้นเอง ไม่น่าเชื่อนะครับ ยิ่งในเมืองไทย เราก็คงได้พบเห็นมอเตอร์ไซค์แบบนี้ได้น้อยกว่าเสียอีก เพราะคันแรกๆคงมีคนนำเข้าหลังจากมีการวางตลาดในต่างประเทศไปแล้วหลายเดือน อีกทั้งฐานการผลิตมอเตอร์ไซค์ไม่ได้แห่กันมาแถวบ้านเราเหมือนช่วงไม่กี่ปีมานี้
ในยุคปี 1960 หรือราวปี 2500 โน้น การแข่งขันระดับกรังปรีซ์ก็จะเป็นเครื่องที่อยู่ในช่วง 500 cc มาเป็นระยะเวลาหนึ่งจนกระทั่งถึงต้นทศวรรษ 1970 ที่ ทางอเมริกาได้เริ่มนำรถขนาด 750 cc สองจังหวะออกมาแข่งกัน ซึ่งถือเป็นการแข่งขันรถ superbike กันจนมาถึงการแข่งขันชิงแชมพ์โลกของการแข่งขัน Superbike ในปัจจุบัน
แต่การใช้คำว่า Superbike ครั้งแรกนั้นแทบไม่ได้เกี่ยวข้องกับการแข่งขันเลย แต่คำนี้ถูกสื่อระดับโลกนำไปใช้เพื่ออธิบายการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของการมอเตอร์ไซค์ที่ทาง ฮอนด้าได้ออกมาเปิดตัวในช่วงไกล้สิ้นทศวรรษ 1960
ช่วงนั้นทีมนักร้องดังอย่าง The Beatles ก็ยังอยู่ครบเป็นทีม ส่วน Elvis ก็ยังไม่อ้วนเผละ ทศวรรษใหม่กำลังใกล้เข้ามา ใช่แล้วครับตอนนี้คือปี 1968 (2511) ในแง่ของวงการมอเตอร์ไซค์แล้วมันคือปีที่สำคัญปีหนึ่ง เพราะเป็นปีที่ถือว่าเป็นจุดกำเนิดของคำว่า Superbike



Big Bike คืออะไร

Bigbike คือคำที่ใช้เรียกรถมอเตอร์ไซค์ที่มีขนาดใหญ่กว่ารถมอเตอร์ไซค์ทั่วๆไปหรือที่เรียกกันจนติดปาก
ว่า สี่สูบ ขนาดของมอเตอร์ไซค์ที่มีขนาดใหญ่ในที่นี้คือขนาดของเครื่องยนต์ เฟรม ล้อและยางของรถ
 รถที่เรียกว่าBigbikeจะมีความจุของเครื่องยนต์ตั้งแต่ 250 cc ขึ้นไปจนถึง 2400 cc ซึ่งในแต่ละรุ่น
แต่ละยี่ห้อก็จะมีรูปแบบของเครื่องยนต์และระบบส่งกำลังที่แตกต่างกันออกไปซึ่งจะมีตั้งแต่สูบเดี่ยว
 ถึง 6 สูบ และจัดวางอยู่ในรูปแบบของสูบเรียงและสูบV ในส่วนระบบส่งกำลังก็จะมีตั้งแต่ระบบที่ใช้โซ่ 
ใช้เพลาขับ และใช้สายพาน เป็นต้น

Naked Bike เป็นชื่อที่ใช้เรียกรถ Bigbike ที่มีรูปแบบเป็นรถเปลือยแฟริ่งในส่วนด้านหน้า

 จะมีแฟริ่งในส่วนด้านท้ายของรถเท่านั้น ข้อดีของรถประเภทนี้คือสามารถใช้ขับขี่ในเขตชุมชนที่มีการจราจร
ค่อนข้างหนาแน่นได้ง่ายและสามารถระบายความร้อนออกจากเครื่องยนต์ได้ดีกว่ารถ Bigbikeประเภทอื่นๆ 
และยังมีการออกแบบให้มีท่วงท่าในการขับขี่ที่ไม่ต้องก้มหรือโน้มตัวไปข้างหน้าเพื่อจับแฮนด์มากนัก 
โดยมีการออกแบบให้แฮนด์อยู่ในตำแหน่งที่ค่อนข้างสูงและมีเบาะที่ต่ำกว่ารถSport Bike

Sport Bike คือรถBigbikeที่มีการออกแบบมาเพื่อใช้ในการแข่งขันทางเรียบเนื่องจากรถประเภทนี้

จะมีสมรรถนะของเครื่องยนต์และช่วงล่างสูงมากกว่ารถBigbikeประเภทอื่นๆ ซึ่งรถประเภทนี้มีท่วงท่า
ในการขับขี่แบบกึ่งนั่งกึ่งหมอบเพื่อให้ผู้ขับขี่สามารถควบคุมและทรงตัวในการใช้ความเร็วสูงๆ
และควบคุมอาการของรถในการเข้าโค้งได้เต็มประสิทธิภาพ

Touring BikeคือรถBigbikeประเภทหนึ่งที่ออกแบบมาสำหรับใช้ในการเดินทางหรือท่องเที่ยว

ที่มีระยะทางไกลๆและใช้เวลาในการขับขี่ค่อนข้างนานโดยเฉพาะ ซึ่งรถประเภทนี้จะมีรูปทรง
คล้ายกับรถ Sport Bike แต่จะมีตำแหน่งของแฮนด์ที่สูงกว่ารถSport Bike ท่าทางในการขับขี่
จะคล้ายกับการขี่รถNaked Bike และรถ Touring Bikeนี้จะมีชิวล์ที่มีขนาดใหญ่เพื่อใช้บังลมและฝนที่
จะเข้ามาปะทะผู้ขับขี่ในตอนที่ใช้ความเร็วสูงๆหรือขณะมีฝนตก

ชอปเปอร์ (อังกฤษ: chopper) คือรถBigbikeประเภทหนึ่ง เพราะเสียงของเครื่องยนต์ของ

รถประเภทนี้มีเสียงดังเป็นจังหวะๆ คล้ายเสียงของเฮลิคอปเตอร์นั่นเอง สาเหตุที่เสียงของรถ
 Chopper Bike มีเสียงดังเป็นจังหวะอย่างที่เคยได้ยินเพราะรถประเภทนี้มี 2สูบวางอยู่เป็น
รูปตัว V และยังมีการจุดระเบิดพร้อมๆกัน จึงมีช่วงขอบเสียงเครื่องยนต์ดังเป็นจังหวะดังกล่าว
 รถประเภทนี้จะมีการออกแบบให้มีเบาะอยู่ต่ำกว่ารถ Bigbikeประเภทอื่น และมีตำแหน่งของแฮนด์ที่สูง
อยู่ในระดับไหล่ผู้ขับขี่หรืออาจจะสูงกว่าแล้วแต่ผู้ขับขี่จะเลือกมาใส่

บางคนอาจจะยังไม่ค่อยเก็ทเท่าไหร่ว่าเจ้ามอเตอร์ไซค์ที่เค้าเรียกๆ กันว่า "บิ๊กไบค์" นี้มันมีกี่ประเภท แต่ละรุ่นแต่ละยี่ห้อเป็นแบบไหนยังไง อาจจะยังสงสัยกัน วันนี้มาทำความรู้จักกันเลย
แน่นอนว่า "บิ๊กไบค์" หมายถึง มอเตอร์ไซค์ที่มีขนาดใหญ่กว่ารถมอเตอไซค์ทั่วไป เหตุผลที่ต้องมีขนาดใหญ่ก็เพราะมันต้องแบกรับเครื่องยนต์ที่มีขนาดใหญ่ยักษ์นั่นเอง โดยขนาดเครื่องยนต์มีตั้งแต่ 250 ซีซี ขึ้นไป ในแต่ละรุ่นแต่ละยี่ห้อก็จะมีรูปแบบเครื่องยนต์และระบบส่งกำลังที่แตกต่างกันไป ไม่ว่าจะเป็นสูบเดียว สี่สูบ หรือแต่งเพิ่มให้เป็นหกสูบ ลูกสูบถูกหจัดวางอยู่ในรูปแบบของสูบเรียงและสูบV ในส่วนระบบส่งกำลังก็จะมีตั้งแต่ระบบที่ใช้โซ่ ใช้เพลาขับ และใช้สายพาน เป็นต้น
โดยทั่วไปสามารถแบ่งได้เป็น 4 ประเภทใหญ่ๆ
1. Touring บิ๊กไบค์ประเภทนี้จะมีซีซีสูง เพราะต้องแบกรับน้ำหนักตัวและต้องวิ่งในระยะทางไกล จึงออกแบบให้ผู้ขับขี่สบายที่สุด ดังนั้นเอกลักษณ์ของทัวร์ริ่งไบค์คือ บังลมหน้าที่มีขนาดใหญ่ มีกระเป๋าใส่สัมภาระขนาดใหญ่ ในส่วนตัวถังจะไม่สูงมาบังส่วนลำตัวของผู้ขับขี่มากนัก แฮนด์ของรถยกขึ้นพอประมาณเพื่อไม่ให้ผู้ขับขี่ต้องก้มตัวเวลาขับขี่นั่นเอง

2. Sport บิ๊กไบค์รูปทรงปราดเปรียว มีกำลังเครื่องสูง อัตราเร่งสูง เป็นบิ๊กไบค์ที่ใช้สำหรับการแข่งขันในสนามเป็นจุดประสงค์หลักจึงถูกออกแบบให้ควบคุมรถได้ง่ายและทำให้รถไปได้เร็วที่สุด บางครั้งสูงถึง 300km/Hr ผู้ขับต้องโน้มตัวไปข้างหน้าเพื่อลดแรงต้านของลม แฮนด์รถจึงมีลักษณะดร็อปลงและมีตัวถังสูงเพื่อรองรับช่วงลำตัว
3. Cruiser เป็นรถบิ๊กไบค์ที่ออกแบบมาเพื่อใช้ในการขับขี่ทางไกล และท่องเที่ยวความเร็วต่ำเป็นหลัก ไม่มีบังลมส่วนหน้า เน้นความดิบ มีเสียงดังกระหึ่ม การขับขี่ท่านั่งที่ค่อนข้างสบาย (แต่ไม่สบายเท่ากับทัวร์ริ่งไบค์) โดยมากหลายคนเรียกช็อปเปอร์ แต่ที่จริงแล้วช็อปเปอร์นั้นถูกดัดแปลงมาจาก cruiser อีกที
4. Dual Purpose รถเอนกประสงค์สำหรับขับขี่บนเทือกเขา ได้รับความนิยมในประเทศแถบยุโรป สามารถขับขี่ได้ดีทั้งทางวิบากและถนนเรียบ เพราะเป็นรถขับขี่กึ่งวิบากนั่นเอง แต่มีความแตกต่างจากรถมอเตอร์ครอสตรงที่ขนาดซีซีสูงกว่า และสามารถทำความเร็วสูงได้ดีกว่า
และเนื่องจาก  "บิ๊กไบค์" มีลักษณะการใช้งานหลากหลายรูปแบบ จึงถูกดัดแปลงและแบ่งประเภทย่อยๆ ได้อีกหลากหลาย เช่น
- Naked Bike แนวเปลือยๆ เป็นรถ Sport ที่ถูกจับมาแต่งให้เปรียว เอาแฟริ่งกันลมออก แรงม้าไม่สูง เหมาะสำหรับขี่ในเมือง
- Sport กึ่ง Touring รวมเอาจุดเด่นเข้าด้วยกัน เน้นความสบาย และการเดินทางไกลที่ความเร็วสูง
- Cruiser กึ่ง Touring เป็นรถ Cruiser ที่มีความดิบ กระด้าง แต่สะดวกสบายตามแบบฉบับทัวร์ริ่ง
- Chopper เป็นรถที่ถูกดัดแปลงมาจาก Cruiser อีกทีโดยเพิ่มตะเกียบหน้าหรือโช๊คหน้าที่ยาวเกือบสองเมตร มีการออกแบบให้เบาะอยู่ต่ำกว่ารถบิ๊กไบค์ประเภทอื่นๆ และมีตำแหน่งแฮนด์ที่สูงอยู่ในระดับไหล่หรือสูงกว่าไหล่ของผู้ขับขี่
มาถึงตอนนี้หลายคนน่าจะได้รู้จักบิ๊กไบค์แล้วพอสมควร ใครที่กำลังมองหาสองล้อคันใหญ่อย่าง"บิ๊กไบค์" อยู่ก็หวังว่าจะสามารถเลือกซื้อได้ตามความชอบและการใช้งานที่เหมาะสม naja


  ทำไมต้อง Big Bike






หากถามว่า “ทำไมต้อง Big Bike”ตอบยากครับคำถามนี้ เพราะคำตอบข้อนี้มันไม่ใช่ข้อสอบคณิตศาสตร์ที่สามารถคำนวนได้ มันเป็นเรื่องของความชอบและความรู้สึก คนแต่ละคนมีความชอบและความฝันที่ต่างกัน ผมคิดว่า BigBike ก็คงเป็นความฝันอีกอย่างของคนอีกกลุ่ม เป็นความฝันของคนที่ชอบความเป็นอิสระ ไม่จำเจ ไม่ยึดติด ไม่รักความสบาย ชอบขี่รถกินลมชมวิว รักในเสียงเครื่องยนต์ เสียงท่อที่มีพลัง รูปลักษณ์ที่สวยงามสะดุดตา หรืออีกหลายความคิดเห็นต่าง ๆ นา ๆ แล้วแต่บุคคล แต่คนกลุ่มนี้เป็นคนส่วนน้อยที่อยู่ท่ามกลางของคนส่วนใหญ่ที่ไม่ได้มีความคิดเห็นหรือความชอบเหมือนเรา แล้วถ้าเราเอาเรื่องนี้ไปคุยกับเขาสิ่งที่เราจะได้รับกลับมานั้นคือ “แรงต่อต้าน” บางคนอาจจะถึงกับจิตตกไปเลย




โดนว่าไร้สาระบ้างล่ะ อันตรายบ้างล่ะ จะไปขี่มันทำไมร้อนก็ร้อน ฝนตกก็เปลียก แล้วถ้ายิ่งเป็นคนในครอบครัวนะ แรงต่อต้านมาเป็น 2 เท่า บางคนอยากได้มากแม้กระทั่งยังไม่มีรถยนต์ขับด้วยซ้ำ คนรอบข้างมักถามว่า “เอาเงินไปซื้อรถยนต์ก่อนไม่ดีกว่าหรอ” แต่ถ้าเราชอบจริง ๆ เราจะไปแคร์คนอื่นทำไม ใช่อยู่ที่ว่าความรักความหวังดีของคนรอบข้างเป็นสิ่งที่ดี แต่คนเราเกิดมาครั้งเดียว ชาติหน้ามีจริงหรือเปล่าก็ยังไม่รู้ อยากทำอะไรก็ทำเถอะครับ แต่เราก็ต้องไม่ทำให้คนอื่นเดือดร้อนด้วยนะ แต่ละปีเริ่มมีคนรักและชอบ 2 ล้อมากขึ้น เท่าที่ผมสังเกตมาตลาด Big Bike เดี๋ยวนี้น่าจะกว้างกว่าเมื่อก่อน มีการนำเข้าอย่างถูกกฎหมายหลากหลายยี่ห้อ




จึงทำให้ตอนนี้มีคนมาเล่นมอร์เตอร์ไซค์กันมากขึ้น แม้เมื่อไม่นานมานี้จะมีการปรับภาษีรถนำเข้า ทำให้ราคา Big Bike ขยับขึ้นพอสมควร แต่ดูจากยอดขายแล้วยังมีคนซื้อกันเยอะอยู่ เห็นไหมว่ากลุ่มคนส่วนน้อยอย่างพวกเรามันเริ่มใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ นอกจากคนที่ครอบครองจะเยอะขึ้นทุกวันแล้ว ผมเชื่อว่าคนที่ฝันจะครอบครองก็น่าจะเยอะขึ้นทุกวันมากกว่า แต่ก็อาจจะมีหลายคนที่ฝันแล้วไปไม่ถึงเยอะอยู่เหมือนกัน แต่ละคนก็มีเห็นผลต่างกันไป แต่สุดท้ายไม่ว่าเหตุผลของคุณจะคืออะไร ว่าทำไมต้อง Big Bike หาเหตุผลส่วนตัวของคุณให้เจอเร็ว ๆ ครับ




10อันดับ บิ๊กไบค์ที่แรงที่สุดในโลกปี 2012-2013

อาจจะเป็นที่ถกเถียงกันนะครับว่ารถมอเตอร์ไซค์สปอตร์คันโน้นแรงกว่าคันนี้
วันนี้ผมเลยจะมาเเนะนำ

10อันดับ บิ๊กไบค์ที่แรงที่สุดในโลกปี 2012-2013

(บิ๊กไบค์ที่จะเสนอเป็นรถที่ถูกกฏหมายสามารถวิ่งบนท้องถนนได้)


อันดับ 10 ครับ Aprilia RSV4 เครื่องยนต์180แรงม้า ความเร็วสูงสุด 170 MPH

อันดับ 9 ครับ Suzuki GSX-R1000 เครื่องยนต์160แรงม้า ความเร็วสูงสุด 179 MPH


อันดับ 8 ครับ Honda CBR1000RR เครื่องยนต์176แรงม้า ความเร็วสูงสุด 180 MPH


อันดับ 7 ครับ Yamaha YZF-R1 เครื่องยนต์158แรงม้า ความเร็วสูงสุด 185 MPH



อันดับ 6 ครับ Kawasaki ZZR1400 เครื่องยนต์207แรงม้า ความเร็วสูงสุด 186 MPH


อันดับ 5 ครับ MV Agusta F4 1000RR เครื่องยนต์200แรงม้า ความเร็วสูงสุด 187 MPH




อันดับ 4 ครับ Ducati Panigale 1199 เครื่องยนต์192แรงม้า ความเร็วสูงสุด 188 MPH


อันดับ 3 ครับ BMW S1000RR HP4 เครื่องยนต์193แรงม้า ความเร็วสูงสุด 190 MPH



อันดับ 2 ครับ MV Agusta F4 R312 เครื่องยนต์183แรงม้า ความเร็วสูงสุด 194 MPH



อันดับ 1 ครับ มอเตอร์ไซค์ Suzuki Hayabusa เครื่องยนต์197แรงม้า ความเร็วสูงสุด 200 MPH
มีบิ๊กไบค์มากมายครับที่แรงกว่า10อันดับที่ผมนำมาเสนอ แต่มันไม่สามารถขับขี่ตามท้องถนนได้ครับ
 ลองดูกันครับ สุดๆของที่สุดจริงๆ









3 ความคิดเห็น: